ถ้าสุ่มถามนักการตลาดสัก 10 คน แล้วถามว่า ถ้าอยาก โฆษณา Facebook ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุเท่านี้ ความชอบแบบนี้ อาศัยอยู่ที่นี่ จะใช้เครื่องมืออะไรดี?
ผมคิดว่ามากกว่าครึ่งจะแนะนำคุณให้ใช้ Facebook ในการทำการตลาดแน่นอน
ซื้อโฆษณาทำไม Ads แพงจัง?
ขายไม่ได้เลย
ไม่มีลูกค้าทักมาเลย คำถามเหล่านี้หลายๆ คนมักเจอเมื่อลองทำโฆษณากับ Facebook วันนี้ เรามาดูกันดีกว่า ในการทำโฆษณาใน Facebook ให้มีประสิทธิภาพ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง (คุณเคยพลาดในขั้นตอนไหนไหม)
1. Objective คุณชัดหรือยัง?
ปกติเรามักพบกับการอยากให้บรรลุ 2 วัตถุประสงค์ขึ้นไปในการทำโฆษณาในครั้งเดียว เช่น อยากเข้าถึงลูกค้ามากๆ และอยากได้ Like Commemt Share เยอะๆ ในขั้นแรกของการโฆษณาคุณต้อง Design Journey ของลูกค้าของคุณเสียก่อน ลูกค้าเห็น > พิจารณา > ตัดสินใจ > ซื้อซ้ำ (อันนี้เป็นตัวอย่างคร่าวๆ นะ) การโฆษณาผ่าน Facebook มี Objective ให้เลือกอยู่เยอะมากครับ
ให้คำนึงไว้ว่า Facebook เป็นเครื่องมือที่ใช้ Algorithm ในการ Learning ฉะนั้นอยากให้บรรลุวัตถุประสงค์อะไร ให้เลือกอย่างนั้นเลยครับ (อย่าคิดเยอะ และ อย่าหวังมากกว่าสิ่งที่เลือก) ถ้าคุณอยากให้คนเห็นโฆษณาของคุณเยอะๆ ให้คุณเลือก Objective การรับรู้, การเข้าถึง, จำนวนการรับชมวิดีโอ (ต้นทุนต่อหนึ่งการมองเห็นอยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ แต่ถ้าคุณหวัง like comment share หรือการทัก inbox จาก Objective นี้ ให้คิดซะว่าเป็นพลอยได้) Facebook จะนำส่งโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายที่เราเลือกที่มีความน่าจะเป็นที่จะกระทำ Action ตามสิ่งที่เราเลือก ถ้าคุณเลือกขั้นตอนนี้พลาด คุณจะวิเคราะห์พลาดทั้งหมด
2. คุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณหรือยัง?
“ทุกคนไม่ใช่ลูกค้า” ผมมักเจอคำถามที่ว่า โฆษณาไปแล้วไม่ได้ Inbox เลย หรือแม้แต่ ทักแล้วปิดการขายไม่ได้เลย พอถามว่าลงโฆษณาอย่างไร ได้คำตอบมาว่า เลือก กลุ่มเป้าหมาย เป็น “คนไทย อายุ 18 ถึง 65+” ซึ่งเป็นการลงโฆษณาที่มีขนาดกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากๆ อันดับแรกคุณต้องหยุดคิดก่อนว่า โฆษณาไปก่อน ใครซื้อของฉันก็ได้ การรู้กลุ่มเป้าหมายของตนเองจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่คุณมีกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลายกลุ่ม ไม่รู้ว่ากลุ่มไหนคือกลุ่มที่ใช่ คุณสามารถทำการทดสอบโฆษณาและหากลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ครับ
-
- กลุ่มเป้าหมายของคุณ อายุเท่าไร? กลุ่มเป้าหมายแต่ละ Generation มีพฤติกรรมการเสพ Content ที่มีลักษณะแตกต่างกัน ถ้าคุณต้องการขายของให้กลุ่ม Gen Y หรือ Gen Z คุณอาจต้องสื่อรูปแบบที่ต่างกับกลุ่ม Gen X การทำ Content เดียวและสื่อไปในทุกกลุ่ม อาจทำให้โฆษณาไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเลยสักกลุ่ม (เหมือนจะสุดก็ไม่สุด)
- คุณเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบละเอียดแล้วหรือยัง? ไม่ใช่แค่ระบุอายุ ภูมิศาสตร์ แล้วก็จบนะครับ (ถ้าสินค้าคุณไม่ใช่สินค้า mass หรือมีงบประมาณที่เหมาะสม การระบุแค่ อายุ ภูมิศาสตร์อาจทำให้ผลของโฆษณาคุณออกมาไม่ดีพอ) คุณควรที่จะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณ “มีความสนใจ หรือมีพฤติกรรมอะไร” ข้อดีของ Facebook คือเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ทั้งหมด การที่คุณกดถูกใจเพจ comment หรือเวลาเห็น content แบบใดทำให้คุณหยุดดู Facebook จะจับหมดเลยว่าคุณสนใจสิ่งเหล่านี้อยู่ เหล่านี้หละเป็นประโยชน์ต่อนักการตลาดในการลงโฆษณาเป็นอย่างมาก อย่าลืมเลือกความสนใจ หรือพฤติกรรมลองกลุ่มเป้าหมายคุณนะครับ
3. งบประมาณที่ใช้สัมพันธ์กับขนาดกลุ่มเป้าหมายหรือยัง?
ในการลงโฆษณา คุณจะสามารถรู้ได้เลย ขนาดของกลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือกมีปริมาณเท่าไร งบในการโฆษณาที่มีอยู่จำกัด ส่วนใหญ่เรามักคำนวณโดยคิดว่า จะลงโฆษณาที่กี่วัน หาร Budget ตกวันละกี่บาท ซึ่งในบางครั้ง กลุ่มเป้าหมายมีขนาดใหญ่มาก แต่งบประมาณที่ใช้น้อยเกินไป ทำให้ Algorithm ของ Facebook ไม่สามารถ Learning ได้ดีพอ หรือในบางครั้ง กลุ่มเป้าหมายมีขนาดที่เล็ก แต่งบประมาณที่ใช้เยอะเกินไป ทำให้การนำส่งโฆษณาไปถึงโดยที่ Facebook ไม่ต้อง Learning อะไรเลย ก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เริ่มแรกของการโฆษณา Facebook จะนำส่งโฆษณาของคุณไปยังกลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือกในช่วงการเรียนรู้ (จะเห็นได้จากตอนสร้างโฆษณา คุณจะเห็นว่า Facebook มีวงเล็บเล็กๆที่ตัวของคุณว่ากำลังเรียนรู้อยู่) ในช่วงนี้ละ ที่ Facebook จะทดสอบว่าโฆษณาของคุณเมื่อนำส่งไปแล้ว กลุ่มไหนจะส่งผลให้ผลลัพธ์ตาม Objective ออกมาได้ดีที่สุด ถ้างบประมาณที่ใช้น้อยเกินไป จะทำให้ช่วงแรก Facebook นำส่งโฆษณาได้จำกัดเมื่อเทียบกับขนาดกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด เป็นผลให้การ Learning ของ Algorithm ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
แล้วควรใช้งบประมาณต่อวันเท่าไหรดี?
ข้อมูลจากอดีตคนไทยผู้ที่เคยทำงานตำแหน่ง Client Solutions Manager ของ Facebook ได้บอกไว้ว่า การลงโฆษณากับ Facebook ควรทำให้การเข้าถึงในผลลัพธ์ต่อวันโดยประมาณอยู่ที่ 20-33% ของขนาดกลุ่มเป้าหมายที่อาจเข้าถึงได้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ของการทำให้โฆษณาของคุณได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่ส่งผลต่อโฆษณาของคุณ ทั้ง Content รูปแบบโฆษณา รูปภาพที่ใช้