การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization กำลังเป็นเทคนิคที่นักการตลาดทุกคนต่างให้ความสนใจ และการหาคีย์เวิร์ด (Keywords) ก็เป็นกุญแจสำคัญของการทำ SEO เพราะคีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาที่ดีจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถค้นหาคุณเจอ สร้าง Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณโดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ และยังเพิ่มโอกาสสร้างรายได้อีกด้วย เมื่อมีนักการตลาดจำนวนมากพยายามใช้ Keywords ซึ่งได้รับความนิยม จึงทำให้เกิดการแข่งขันแย่งลำดับที่ปรากฏบน Search Engine กัน บางครั้งเป็นการยากที่จะติด Rank ในลำดับต้น ๆ หรือหน้าแรกของคีย์เวิร์ดนั้นได้ และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณจำเป็นต้องเอา Long Tail Keywords มาปรับใช้ในการทำ SEO
Long Tail Keywords คือ คีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง ด้วยการเติมคำต่อท้ายคีย์เวิร์ดหลักที่มีความหมายกว้าง (Broad Keywords) เข้าไปอีกให้เป็นหางยาว ๆ ที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงเพิ่มมากขึ้น ตรงตามชื่อเรียกในภาษาอังกฤษเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น
- “แอลกอฮอล์” เป็น Broad Keyword ยังไม่สื่อชัดเจนว่าเป็นแอลกฮอล์แบบไหน ซึ่งอาจจะหมายถึงแอลกอฮอล์ที่เป็นสารฆ่าเชื้อ หรือเครื่องดื่มมึนเมาก็ได้
- “แอลกอฮอล์ ล้างมือ” เป็น Keyword ที่แคบลงมาแล้ว ระบุว่าวัตถุประสงค์เพื่ออะไร แต่ก็ยังกว้างอยู่
- “แอลกอฮอล์ ล้างมือ พกพา กรุงเทพ ราคา” เป็น Long Tail Keyword ที่มีส่วนขยายเพิ่มขึ้นจากในข้อแรกหลายประการ ทั้งวัตถุประสงค์ของสินค้า ลักษณะการใช้งานเฉพาะที่ต้องการ พื้นที่ และราคาเนื่องจากมีความต้องการซื้อ
ซึ่งคีย์เวิร์ดแบบ Long Tail มีที่มาของชื่อเรียกจากลักษณะของกราฟดังต่อไปนี้
กราฟแสดงคีย์เวิร์ดแบบ Broad และ Long Tail
Long Tail Keywords คือส่วนที่เป็นหางยาว ๆ ทางด้านขวา เมื่อคุณเติมรายละเอียดต่อท้ายคีย์เวิร์ดให้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น การแข่งขันจากการเสิร์ชคำนั้นก็จะลงน้อยลงตามลำดับ ยิ่งเจาะจงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งการแข่งขันน้อยลงเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีโอกาสการเกิด Conversion ได้มากกว่าคีย์เวิร์ดแบบกว้าง เพราะผู้ที่ค้นหาคำที่มีความเฉพาะเจาะจงแบบนี้จะตั้งธงเอาไว้ในใจแล้ว และมีแนวโน้มค้นหาเจอในสิ่งที่ต้องการมากกว่าการค้นหาแบบงมเข็มในมหาสมุทร
Broad Keywords ด้านซ้ายของกราฟคือคีย์เวิร์ดที่เป็นคำเดียวหรือสองคำ ที่มีความหมายกว้างและมีการแข่งขันที่สูงมาก ลองคิดดูนะครับว่าบนโลกอินเทอร์เน็ตมีเว็บไซต์อยู่จำนวนมากขนาดไหน และคีย์เวิร์ดบางคำก็มีอยู่บนเว็บไซต์เป็นล้าน ๆ เว็บไซต์ การจะทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ Search Engine ได้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก หากเว็บไซต์ของคุณไม่ได้แข็งแกร่งระดับตัวท็อปของวงการ
เช่น ตัวอย่างคีย์เวิร์ดที่เขียนไว้ข้างต้น “แอลกอฮอล์ ล้างมือ พกพา กรุงเทพ ราคา” มีโอกาสส่งผลให้เกิด Conversion ที่สูงกว่าการหาคำว่า “แอลกอฮอล์” แบบกว้าง ๆ มาก (สมมติว่าตั้งเป้า Conversion ไว้ที่การกดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์) เนื่องจากผู้ที่ค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอมีความต้องการทราบถึงราคาสินค้า นั่นย่อมหมายถึงว่าเขากำลังสำรวจราคาสินค้าในตลาด และมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหาพบว่าสินค้าของคุณมีลักษณะตรงตามความต้องการมากที่สุด ในขณะที่ผู้ที่เสิร์ชคำว่า “แอลกอฮอล์” เฉย ๆ อาจจะเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่แค่อยากรู้ว่าแอลกอฮอล์มีสูตรทางเคมีว่าอย่างไรก็เป็นได้
Long Tail Keywords มีอัตราการแข่งขันต่ำ และมีแนวโน้มเกิด Conversion สูง
ข้อแนะนำในการใช้ Long Tail Keywords สำหรับทำ SEO
การใช้คีย์เวิร์ดแบบ Long Tail สร้างโอกาสให้เกิดการขึ้น Rank อันดับต้น ๆ ในการเสิร์ช ตลอดจนสร้างแนวโน้มให้เกิด Conversion เมื่อค้นหาเจอก็จริง แต่เนื่องจากการทำ SEO มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนมองเห็นและเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น คีย์เวิร์ดแบบ Long Tail ยิ่งมีความเฉพาะเจาะจงมากเท่าไหร่ ยิ่งมีผู้ค้นหาน้อยลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการทำ SEO คุณจึงควรอาศัยการเขียนเนื้อหาให้มีคีย์เวิร์ดแบบ Long Tail หลาย ๆ คีย์เวิร์ดเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้และปริมาณที่ผู้คนจะค้นหาเจอและเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ นอกจากนั้นต้องคำนึงถึงความ Relevant และความสัมพันธ์ของเนื้อหากับสินค้าหรือบบริการที่คุณมีอีกด้วย เนื้อหาที่โฟกัสแต่คีย์เวิร์ด ไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้ผู้เข้าชมออกจากหน้าเว็บไซต์ของคุณในทันทีมีผลกระทบต่อความพยายามในการทำ SEO ของคุณ
เรียนรู้เทคนิคการทำ SEO เพิ่มเติมได้ที่นี่: วิธีเพิ่ม Organic Traffic เข้าเว็บไซต์แบบไม่ต้องจ่ายตัง!
Tips: ทดลองหาคีย์เวิร์ดด้วยตนเองแบบเบสิค ใช้ Google ช่วยสิครับ เครื่องมือง่าย ๆ และฟรีที่ใครก็สามารถใช้งานได้ เพียงคุณเข้าหน้าแรกของ Google ลองเสิร์ชคีย์เวิร์ดคำแรก แล้วเว้นวรรค ปล่อยให้แพลตฟอร์มแนะนำคำเพิ่มเอง คุณก็จะเห็นแล้วว่ามีคีย์เวิร์ดใดบ้างที่ผู้คนนิยมค้นหา แล้วคีย์เวิร์ดคำค้นหาแบบ Long Tail ที่คุณวางแผนจะใช้มีผลลัพธ์ในการค้นหาอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ หรือแอดวานซ์ขึ้นมาอีกนิด (แต่ก็ยังฟรีอยู่นะ) ลองใช้งาน Google Keyword Planner ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการค้นหาและเปรียบเทียบคีย์เวิร์ด เพียง Sign In ด้วยอีเมลของ Google ก็สามารถใช้งานได้ทันที เคล็ดลับอยู่ที่คุณจะต้องพยายามหาคีย์เวิร์ดที่ไม่แคบจนไม่มีคนค้นหา และไม่กว้างจนมีการแข่งขันที่สูงส่งผลให้ผู้คนหาคุณไม่เจอ (การค้นหาเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 10,000 – 100,000 กำลังดี)
อ้างอิงข้อมูลจาก BACKLINKO