Inbound Marketing หรือ “การตลาดแบบดึงดูด” เป็นแนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางโลกยุคดิจิทัล คือ การตลาดที่เน้นดึงดูดลูกค้าเข้ามาหาธุรกิจผ่านการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ตอบโจทย์แก้ปัญหา/ทำให้ชีวิตของผู้บริโภคดีขึ้น โดยลูกค้าจะทำการค้นหาผ่าน Search Engine และพบเจอกับช่องทางของทางธุรกิจ (ตรงข้ามกับ Outbound Marketing ที่เน้นการปล่อยสื่อกระจายออกไปให้ผู้บริโภคเห็น)
โดยหลักการก็คือ การดึงดูด คนแปลกหน้า (Strangers) ให้เข้ามาสู่ช่องทางของธุรกิจในฐานะ ผู้เยี่ยมชม (Visitors) และเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็น ผู้สนใจ (Leads) ในสินค้าหรือบริการของธุรกิจ หากคนกลุ่มนี้ซื้อสินค้าหรือบริการก็จะกลายเป็น ลูกค้า (Customers) ที่เมื่อได้ทดลองแล้วเกิดถูกใจก็อาจเปลี่ยนเป็น ผู้โปรโมต (Promotors) บอกต่อให้แก่บุคคลอื่น ๆ อีกชั้นหนึ่ง
หากยังมองภาพไม่ออกว่า Inbound Marketing หน้าตาเป็นอย่างไร ลองดูเคสตัวอย่างนี้กันเลยครับ!
สมมติว่าคุณเป็นแม่บ้านยุคดิจิทัลที่ทำอาหารไม่เก่ง แต่วันหนึ่งสามีของคุณเกิดบ่นอยากกินข้าวผัดคะน้าปลาเค็มมาก ๆ โดยมีโจทย์หินก็คือข้าวผัดต้องผัดแห้งเป็นเม็ดสวย ไม่แฉะ คุณไม่รู้วิธีผัดข้าวแบบนี้แต่ก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ด้วยความตั้งใจที่จะทำให้สามีรักและหลงคุณมากยิ่งขึ้น จึงใช้ทักษะทางดิจิทัลเข้าไปค้นหา “เทคนิคผัดข้าวไม่ให้แฉะ” ใน Search Engine อย่าง Google
ธุรกิจข้าวหอมมะลิออแกนิควิสัยทัศน์ไกลเจ้าหนึ่ง ลงบทความ “ผัดข้าวอย่างไรไม่ให้เป็นข้าวต้ม” เอาไว้บนเว็บไซต์ ส่งผลให้คุณแม่บ้านที่ค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องเข้ามาเจอบทความและนำเทคนิคที่ได้ไปทำข้าวผัดให้สามีทานจริง สามีชมว่าอร่อยสุดยอดจึงเกิดความประทับใจในแบรนด์ธุรกิจ จดจำได้ และท่องเว็บไซต์ต่อ/เข้าไปยังหน้าเว็บไซต์อีกครั้งเพื่อซื้อสินค้าข้าวหอมมะลิออแกนิคมาลองทาน ปรากฏว่าดีจึงบอกต่อให้กับกลุ่มเพื่อนแม่บ้านขาเม้าท์ประจำซอยไปลองใช้กัน
ธุรกิจข้าวหอมมะลิออแกนิคทำการตลาดแบบดึงดูดอย่างได้ผล!
5 ข้อดีของการทำ Inbound Marketing
สาเหตุที่ใคร ๆ ในวงการ Digital Marketing ต่างก็พูดถึงการตลาดแบบดึงดูด ก็เพราะเป็นแนวคิดการตลาดที่ทันสมัย เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่มักจะปฏิเสธที่จะเปิดรับ/รับรู้ข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากคนยุคนี้ได้รับข้อมูลในแต่ละวันมากล้นจนเกินไป จึงต้องมีการคัดกรองออกบ้างเป็นธรรมชาติครับ การทำเนื้อหาที่ส่งมอบคุณค่าและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคเองแบบนี้ ช่วยให้ผู้บริโภคเต็มใจเปิดรับ/รับรู้สาร และยังมีข้อดีต่อธุรกิจอีกหลายประการ คือ
- ช่วยให้ได้ Lead ที่ตรงกลุ่ม – การสร้างสรรค์เนื้อหาเพื่อตอบปัญหาของผู้บริโภคบนเว็บไซต์ควรมีจุดสัมพันธ์กับสินค้าหรือบริการ ผู้ที่สนใจเข้ามาเสพเนื้อหาจะมีแนวโน้มสนใจในสินค้าหรือบริการของเราด้วย เป็น Lead ที่มีคุณภาพและสามารถเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ไม่ยากนั่นเอง
- ดูน่าเชื่อถือในฐานะกูรู – การสร้างสรรค์เนื้อหาที่ลงลึก แสดงถึงความเป็นกูรูของคุณ ซึ่งใคร ๆ ก็อยากซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือกันทั้งนั้น
- ยกระดับความสัมพันธ์ – แบรนด์ที่สร้างสรรค์เนื้อหาตอบปัญหาของผู้บริโภคออกมาอย่างต่อเนื่อง จะถูกมองว่าเป็นที่พึ่งพาได้ ไม่ทอดทิ้ง แถมยังช่วยให้ผุ้บริโภคมองเห็นคุณบ่อย ๆ ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ในระยะยาว
- ไม่เลือนรางจางหายง่าย – การเนื้อหาที่ลงเอาไว้ รวมถึงการทำเนื้อหาให้ติด Search แม้หยุดทำก็ไม่หายไปง่าย ๆ ต่างกับการทำ SEM ที่เมื่อคุณหยุดจ่ายเงินก็จะไม่มีใครมองเห็นสื่อของคุณอีกเลย
- มีราคาน่ารักย่อมเยากว่า – เมื่อเปรียบเทียบด้านราคาแล้ว การทำการตลาดแบบดึงดูด มักมีต้นทุนที่ถูกกว่าการตลาดแบบอื่น โดยเฉพาะการตลาดแบบผลักออก (ที่มีพวกค่าเผยแพร่ผ่านสื่อ/ค่ายิงโฆษณาในราคาที่สูง)
จากรายการข้างต้นจะเห็นได้ว่า “การตลาดแบบดึงดูด” มีประโยชน์ต่อธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน นักการตลาดจึงไม่ควรมองข้าม และปรับใช้การตลาดแบบดึงดูดนี้ควบคู่กับการตลาดแบบผลักออก เพื่อให้แผนการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ยกตัวอย่างเช่น การสร้างเนื้อหาลงบนเว็บไซต์ แล้วนำข้อมูลของผู้เข้าชมเนื้อหามาวิเคราะห์ เพื่อใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับยิงโฆษณาในลำดับถัดไป เป็นต้น
Inbound Marketing เป็นคอนเซ็ปต์ทางการตลาดที่ประยุกต์ใช้การทำเนื้อหาเป็นเครื่องมือสำคัญ จึงมีความสัมพันธ์กับ Content Marketing อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สนใจหลักสูตรอบรมการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) สามารถอินบ๊อกซ์หาเราได้ที่นี่เลย! ICDL Thailand by DBC